ส่องหุ้น BAFS



ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะได้ยินชื่อหุ้น BAFS หรือ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กันมาบ้างไม่มากก็น้อย หลายท่านอาจยังไม่ได้รู้รายละเอียดธุรกิจของบริษัท ฯ นี้มากมายนัก

วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปส่องกันดูหน่อยว่า BAFS ทำธุรกิจอะไร ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และบริษัท ฯ มีแผนเติบโตอย่างไรในอนาคต




ธุรกิจของ BAFS

ธุรกิจหลักของ BAFS คือ การให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยรับน้ำมันจากบริษัทน้ำมันแล้วมาเติมให้กับเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ พูดง่าย ๆ คือ เป็นตัวกลางระหว่างบริษัทน้ำมันกับสายการบินนั้นเอง


โดยรายได้ของ BAFS จะไม่ได้ผันผวนตามราคาน้ำมัน แต่จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำมันที่ทางบริษัทรับจ้างเติมให้กับสายการบินมากกว่า


นอกจากธุรกิจดังกล่าวแล้ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา BAFS ได้เริ่มขยายไปทำธุรกิจอื่นด้วย โดย BAFS มีบริษัทย่อย และบริษัทร่วม รวมทั้งหมด 7 บริษัท คือ 

1. บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยให้บริการผ่านท่อแบบ Hydrant


2. บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ ในอดีต FPT ให้บริการส่งน้ำมันจากคลังน้ำมันบางจากและช่องนนทรีไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และคลังน้ำมันบางปะอินที่จังหวัดอยุธยา

ต่อมาในปี 2559 บริษัทได้ลงทุนอีกราว 10,000 ล้านบาท ขยายท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ โดยแนวท่อจะต่อจากระบบท่อเดิมที่คลังน้ำมันบางปะอิน ไปสิ้นสุดที่คลังน้ำมันจังหวัดพิจิตรและคลังน้ำมันลำปาง เป็นระยะทาง 576 กิโลเมตร


3. บริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน จำกัด (IPS) ให้เติมน้ำมันอากาศยานที่ ท่าอากาศยานสมุย ท่าอากาศยานสุโขทัย และท่าอากาศยานตราด โดยรับเหมาเฉพาะค่าแรง


4. บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) ทำธุรกิจ ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่าย รถเติมน้ำมันอากาศยาน


5. บริษัท บาฟส์ อินโนเวชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (BID) ทำธุรกิจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาผลิตภันฑ์ รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ

6. บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ลงทุนหรือร่วมทุนในโครงการพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ

7. บริษัท บีพีทีจี จำกัด (BTPG) ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน บริเวณด้านหน้าคลังน้ำมันพิจิตร คลังน้ำมันลำปาง และสถานีสูบถ่ายน้ำมันกำแพงเพชรของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด



สัดส่วนรายได้

หากพิจารณาที่สัดส่วนรายได้ตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปี 2019 จะพบว่าสัดส่วนรายได้สามารถแบ่งได้ประมาณนี้
  • BAFS 65%
  • TARCO 17%
  • FPT 18%


โดยหากพิจารณาจากสัดส่วนดังกล่าวจะ พบว่ารายได้ของ BAFS มาจากธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานถึง 82% (BAFS + TARCO) ธุรกิจน้ำมันทางท่ออีกประมาณ 18% (FPT)


ผลประกอบการที่ผ่านมา

หากพิจารณาจากผลประกอบการตั้งแต่ปี 2011 ที่ผ่านมาจะพบว่า
  • รายได้ของบริษัทฯ เติบโตจาก 2,300 ล้านบาทในปี 2011 มาเป็น 3,872 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 6.38% ต่อปี
  • ส่วนกำไรเติบโตจาก 527.6 ล้านบาทในปี 2011 มาเป็น 939.9 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 7.48% ต่อปี ซึ่งเติบโตได้ดีกว่ารายได้


แต่หากพิจารณาจากผลประกอบการตั้งแต่ปี 2015 จะเห็นภาพที่ต่างออกไป
  • รายได้ของบริษัทฯ เติบโตจาก 3,328 ล้านบาทในปี 2015 มาเป็น 3,872 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 3.86% ต่อปี
  • แต่กำไรลดลงจาก 957.7 ล้านบาทในปี 2015 มาเป็น 939.9 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการลดลงเฉลี่ย 0.47% ต่อปี

การที่กำไรของ BAFS ลดลงนั้นเป็นเพราะ BAFS ได้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ทั้งท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ รวมถึงระบบท่อส่งในสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ทำให้สินทรัพย์เติบโตขึ้นจาก 8,541 ล้านบาท ในปี 2015 มาเป็น 17,340 ล้านบาท ในปี 2019 คือ โตเท่าตัวในเวลา 4 ปี ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่ก่อให้เกิดต้นทุนแล้วนั้นคือค่าเสื่อมราคา จึงส่งผลให้กำไรลดลง

หลังจากนี้ หากสินทรัพย์ที่ลงทุนไปได้เริ่มเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ รายได้ของบริษัทน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นรวมไปถึงกำไรด้วย


แผนเติบโตในอนาคต

BAFS ได้วางแผน 5 ปี ไว้ว่าบริษัท ฯ จะเติบโตอย่างสมดุลมากขึ้น โดยจะเน้นสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องการเติบน้ำมันอากาศยาน

โดยเพิ่มสัดส่วนจาก 20% ในปัจจุบันไปเป็น 40% ในอีก 5 ข้างหน้า โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจพลังงานสะอาด และธุรกิจจำหน่ายรถเติมน้ำมันอากาศยาน

นอกจากนั้นในส่วนของธุรกิจบริการเติมน้ำมันอากาศยาน BAFS วางแผนเติบโตโดยการบุกไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น



ติดตาม “InvesTalk – สนทนาภาษานักลงทุน” ได้ทาง 

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น