รู้ก่อนซื้อ "หุ้น KISS"


บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น KISS กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เร็ว ๆ นี้

วันนี้ เราจะลองมาสำรวจกันดูหน่อยว่าบริษัทฯ นี้ทำธุรกิจอะไร และมีความน่าสนใจแค่ไหน ไปติดตามกันครับ



ธุรกิจของ KISS

KISS ประกอบธุรกิจพัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อยู่ 3 ส่วน คือ 1) ผลิตภัณ์บำรุงผิว 2) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ และ 3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร


โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีแบรนด์หลักอยู่ 3 แบรนด์ คือ
  1. Rojukiss เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อปานกลางถึงสูง มีปัญหาผิวแก้ยาก 
  2. PhDerma เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย
  3. Best Korea เน้นกลุ่มลูกค้าอายุน้อย ต้องการผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ตลอดเวลา

นอกจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว KISS ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ภายใต้แบรนด์ Sis2Sis ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าอายุน้อย ต้องการผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ตลอดเวลา และมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ Rojukiss 3X Supplement อีกด้วย




ช่องทางในการจัดจำหน่าย

KISS มีช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อยู่ 3 ช่องทาง คือ 1) ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) 2) ร้านค้าทั่วไป (General Trade) และ 3) ช่องทางออนไลน์ (e-Commerce)  


ซึ่งหากดูรายได้ช่วง 3 ปีหลัง โดยแบ่งตามช่องทางการจัดจำหน่ายแล้ว จะพบว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และรายได้จากทุกช่องทางมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่หากดูเฉพาะรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 เทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 62 จะพบว่า รายได้ในส่วนของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ลดลงประมาณ 23.3% ขณะที่รายได้จากช่องทางอื่น อย่างช่องทางออนไลน์ และช่องทางต่างประเทศ ยังคงมีการเติบโต


ทำให้สัดส่วนรายได้ในช่วง 9 เดือนในปี 2563 เทียบกับปี 2562 เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร



ส่วนแบ่งทางการตลาด

หากเราพิจารณาส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าของผู้หญิง จะพบว่า KISS มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้นจาก 2% ในปี 60 มาเป็น 4.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 



แนวโน้มผลประกอบการ

หากเราดูผลประกอบการย้อนหลังของบริษัทฯ ในช่วงปี 2560 - 2562 จะพบว่ารายได้และกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • ปี 2560 รายได้ 592.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 57.5 ล้านบาท
  • ปี 2561 รายได้ 863.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 105.8 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 1,138 ล้านบาท กำไรสุทธิ 190.1 ล้านบาท
เมื่อคำนวณดูแล้วจะพบว่ารายได้มีการเติบโตเฉลี่ย 38.59% ต่อปี ในขณะที่กำไรมีการเติบโตเฉลี่ย 81.83% ต่อปี ซึ่งเติบโตมากกว่ารายได้


ขณะที่หากเราดูเทียบกันระหว่าง 9 เดือนแรกของปี 2563 เทียบกับปี 2562 จะพบว่ารายได้ลดลงจาก 823.4 ล้านบาท มาเป็น 729.7 ล้านบาท คิดเป็นลดลงประมาณ 11.38%

แต่กำไรเติบโตจาก 134.2 ล้านบาท มาเป็น 139.8 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตประมาณ 4.17% ซึ่งสะท้อนการควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี


โครงสร้างรายได้

หากเราดูโครงสร้างรายได้ของ KISS จะพบว่า รายได้ส่วนใหญ่มาจาก ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตามลำดับ


เมื่อพิจารณาการเติบโตของรายได้แต่ละผลิตภัณฑ์จะพบว่า
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีรายได้เติบโตจาก 563.30 ล้านบาท ในปี 2560 มาเป็น 943.10 ล้านบาท ในปี 2562 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 29.39% ต่อปี
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ มีรายได้เติบโตจาก 72.4 ล้านบาท ในปี 2560 มาเป็น 241 ล้านบาท ในปี 2562 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 82.45% ต่อปี
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยังไม่มีมีรายได้ ในช่วงปี 2560 ถึงปี 2562
และหากเปรียบเทียบการเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 กับ 9 เดือนแรกของปี 2562 จะพบว่า
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีรายได้ลดลงจาก 712.40 ล้านบาท  มาเป็น 612.40 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 14.04%
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ มีรายได้ลดลงจาก 188.70 ล้านบาท  มาเป็น 87.40 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 53.68%
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพิ่งมีรายได้เข้ามาในปี 2563 ที่ 30.50 ล้านบาท
ทำให้สัดส่วนรายได้ในช่วง 9 เดือนในปี 2563 เทียบกับปี 2562 เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร



ตัวเลขสำคัญทางการเงิน

เมื่อพิจารณาจากงบการเงิน เราจะได้ตัวเลขสำคัญทางการเงินของ KISS ออกมาตามนี้


ซึ่งจะพบว่าความสามารถในการบริหารหนี้สิน ความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ทำได้ค่อนข้างดี


เหตุผลในการเพิ่มทุน

KISS มีเหตุผลหลักในการเพิ่มทุนอยู่ 3 ประเด็น คือ 
  1. เงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ในประเทศไทย
  2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าและช่องทางการขายตรงแก่ผู้บริโภค (Direct-to-consumer)
  3. ขยายธุรกิจในต่างประเทศ
  4. การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
  5. ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น


ภาพหลังเพิ่มทุน

เมื่อเพิ่มทุนแล้วงบดุลของ KISS จะมีหน้าตาประมาณนี้


ซึ่งจะเห็นได้ว่าสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นมาประมาณ 300 ล้านบาท หนี้สินลดลงไปประมาณ 240 ล้านบาท และส่วนของทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 540 ล้านบาท หรือประมาณ 110.88% 

ส่งผลให้ตัวเลขสำคัญทางการเงินเปลี่ยนไปตามนี้


ซึ่งจะพบว่าอัตราส่วนสภาพคล่อง และความสามารถในการบริหารหนี้สินดีขึ้นมาก ส่วนความสามารถในการบริหารสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรลดลงเล็กน้อย


ราคา

หุ้น KISS เปิดราคา IPO มาที่ 8.5 - 9 บาท คิดเป็น P/E ประมาณ 26.1 - 27.6 เท่า หากลองไปเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม จะเป็นดังนี้


ซึ่งจะเห็นว่า KISS มีความสามารถในการบริหารสภาพคล่อง มีความสามารถในการบริหารหนี้สิน มีความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ รวมถึงมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมพอสมควร


ติดตาม “InvesTalk – สนทนาภาษานักลงทุน” ได้ทาง 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น