รู้ก่อนซื้อ "หุ้น CHG"


วันนี้หุ้นที่ผมจะหยิบมาคุยกับทุกท่าน คือ หุ้น CHG หรือ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล โดยผมจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับบริษัทฯ ดูผลประกอบการที่ผ่านมา และแผนการเติบโตของบริษัทฯ กันครับ




ธุรกิจของ CHG


ธุรกิจหลักของ CHG คือ ธุรกิจโรงพยาบาล โดยเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2529 และขยายกิจการมาเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน CHG มีสาขาของโรงพยาบาล สถานพยาบาล และคลินิกรวมทั้งหมด 13 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี


ปัจจุบัน CHG มีห้อง OPD อยู่ทั้งหมด 156 ห้อง และมีจำนวนเตียงอยู่ทั้งหมด 749 เตียง โดยสาขาที่มีเตียงเป็นจำนวนมาก คือ จุฬารัตน์ 3 จุฬารัตน์ 9 และจุฬารัตน์ 11

นอกจากนั้นหากมองที่ความเชี่ยวชาญของโรงพยาบาล เราจะพบว่ากลุ่มจุฬารัตน์มีศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางอยู่หลายด้าน เช่น ศูนย์รักษาหัวใจเต้นผิดปกติ ศูนย์ผ่าตัดสมอง ศูนย์รักษาเด็กแรกเกิดน้ำหนักน้อย  ศูยน์จุลศัลยกรรม ศูนย์ผ่าตัดแผลเล็กเจ็บน้อย ศูนย์เลสิก ศูนย์มะร็งตรงเป้า และศูนย์รักษามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่ เป็นต้น
 

โดยศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางเหล่านี้จะกระจายไปตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ อย่างจุฬารัตน์ 3 จะมี ศูนย์รักษาหัวใจเต้นผิดปกติ ศูยน์จุลศัลยกรรม ศูนย์รักษาเด็กแรกเกิดน้ำหนักน้อย ศูนย์ผ่าตัดสมอง และศูนย์รักษามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่ เป็นต้น 


ด้วยความเชี่ยวชาญและการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทำให้กลุ่มจุฬารัตน์มีคนไข้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ทั้งคนไข้ OPD และ IPD
  • โดยจำนวนคนไข้ OPD เพิ่มขึ้นจาก 1.815 ล้านคนในปี 2015 มาเป็น 2.601 ล้านคนในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 9.41% ต่อปี
  • โดยจำนวนวันนอนของคนไข้ IPD เพิ่มขึ้นจาก 122,756 วันในปี 2015 มาเป็น 185,676 วันในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 10.90% ต่อปี


โครงสร้างรายได้

โครงสร้างรายได้ของ CHG สามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ ตามประเภทของคนไข้กับตามสาขาของโรงพยาบาล

ในส่วนของประเภทลูกค้า พบว่าทาง CHG แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 4 ประเภท คือ 
  1. A-Class OPD คือ รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก
  2. A-Class IPD คือ รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน
  3. SSO คือ รายได้จากโครงการประกันสังคม
  4. NHSO คือ รายได้จากโครงการภาครัฐอื่น

หากเราย้อนไปดูรายได้ในช่วง 5 ปีหลังสุด จะพบว่า รายได้มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสัดส่วนรายได้ที่มาจากลูกค้าเงินสดมากขึ้นจาก 51% ในปี 2015 มาเป็น 63% ในปี 2019 ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากโครงการภาครัฐลดลงจาก 49% ในปี 2015 มาเป็น 37% ในปี 2019


นอกจากนั้นหากดูสัดส่วนรายได้โดยแบ่งตามโรงพยาบาลแล้ว จะพบว่า สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจาก จุฬารัตน์ 3 จุฬารัตน์ 9 และจุฬารัตน์ 11 โดยมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 77%


ผลประกอบการที่ผ่านมา


หากเราย้อนไปดูผลประกอบการของ CHG ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2012 - 2019 จะพบว่ารายได้และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • โดยรายได้เติบโตจาก 1,874 ล้านบาท ในปี 2012 มาเป็น 5,190 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการเติบโต 15.66% ต่อปี 
  • ส่วนกำไรเติบโตจาก 335.01 ล้านบาท ในปี 2012 มาเป็น 705.24 ล้านบาท ในปี 2019 คิดเป็นการเติบโต 11.22% ต่อปี 
จากผลประกอบการดังกล่าวจะพบว่าการเติบโตของกำไรน้อยกว่าการเติบโตของรายได้ ส่งผลให้ตัวเลขสำคัญทางการเงินของ CHG เป็นไปตามนี้



การเติบโตในอนาคต

หากจะมองถึงการเติบโตในอนาคตของกิจการเราคงต้องมองว่าบริษัทฯ ยังมีการลงทุนอยู่หรือไม่ ซึ่งเมื่อมองไปยัง CHG แล้ว พบว่ายังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง 

โดยบริษัทฯ มีการลงทุนสร้างศูนย์มะเร็งสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2022


นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีการลงทุนสร้างโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยในได้ถึง 100 เตียง และคาดว่าจะเปิดบริการในปี 2022 - 2023




ราคา

หุ้น CHG ณ วันที่ 31 มกราคม 2564 มีราคาอยู่ที่ 2.60 บาท คิดเป็น P/E ประมาณ 37.76 เท่า และ P/BV ประมาณ 7.58 เท่า หากลองไปเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน อย่าง BCH และ BDMS จะเป็นดังนี้


ซึ่งจะพบว่า CHG มีความสามารถในการบริหารหนี้สิน รวมไปถึงสร้างรายได้จากสินทรัพย์ได้ค่อนข้างดี ความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างใกล้เคียงกับ BCH และ BDMS แต่ราคาก็สูงกว่าอยู่พอสมควร


ติดตาม “InvesTalk – สนทนาภาษานักลงทุน” ได้ทาง 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น